โครงการท่องเที่ยว พล ร. 9

โครงการท่องเที่ยว พล.ร.๙

       หน่วยทหารที่ใกล้ กรุงเทพ ฯ เพียง 2 ชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น แบบวิถีไทยในสวนสวยธรรมชาติใกล้แม่น้ำแควแหล่งทำกิจกรรมของหน่วยทหาร  นามว่า ค่ายสุรสีห์ แห่งนี้ กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี จัดตั้งขึ้นในสมัยสงครามเวียดนาม และได้สร้างชื่อเสียงในการรบกับต่างแดนเป็นอย่างมาก จึงได้จัดตั้งขึ้นเป็นค่ายทหารมาจนถึงทุกวันนี้ เอกลักษณ์อันโดดเด่นภายในค่ายคือ เสาเกียรติภูมิ พล.ร.9 ประติมากรรมที่จารึกวีรกรรมของกองกำลังทหารแห่งนี้ ปัจจุบัน ภายในค่ายสุรสีห์มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมถึงกิจกรรมผจญภัยในรูปแบบของทหาร ที่สามารถรองรับการทำกิจกรรมเชิงสานสัมพันธ์ ในหมู่คณะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี (มีห้องประชุมที่สามารถรองรับได้สูงสุด 200 คน)

1. พิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึกเวียดนาม

ข้อมูลพิพิธภัณฑ์

   เป็นอนุสรณ์ถึงวีรกรรมของทหารไทยที่ได้ปฏิบัติการรบร่วมชาติพันธมิตรในสงครามเวียดนามกับเพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณความดี และความเสียสละของทหารที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น จัดแสดงในอาคารประเภทมัลติมีเดีย และหุ่นจาลอง และจัดแสดงกลางแจ้ง แสดงอาวุธยุทโธปกรณ์

    จากค่ายทหารที่จัดตั้งขึ้นในสมัยสงครามเวียดนาม สู่การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน มากมายของจังหวัดกาญจนบุรี ค่ายสุรสีห์แห่งนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยหลากหลายกิจกรรมเพื่อความรื่นรมย์ รวมทั้งสถานที่ประวัติศาสตร์ที่พาคุณย้อนเวลาไปสัมผัสความหาญกล้าของกองทัพไทยในอดีต

ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ

กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71190
Telephone : 034-511200, 034-623691
Fax : 034-623691
Website : http://www.surasee.com/

วันและเวลาทำการ -  ทุกวัน เวลา 8.00 - 17.00 น.

ค่าเข้าชม  ค่าบริการเข้าชมภายในอาคารนิทรรศการคนละ 20 บาท
            ภายนอกอาคารและบริเวณโดยรอบไม่เสียค่าบริการ

การเดินทาง

ค่ายสุรสีห์อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 26 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3086 (ทางไปอำเภอบ่อพลอย)

พิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึกเวียดนาม
พิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึกเวียดนาม

2. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองพลทหารราบที่ ๙

เชิญแวะชมประวัติศาสตร์ต่างๆรวมถึงบุคคลและเหตุการณ์สำคัญๆของกองพลทหารราบที่ ๙ สถานที่จัดแสดงทั้งหมด 9 โซน ประกอบด้วย

 1. เทิดไท้องค์ราชัน

 2. ห้องฉายภาพยนตร์

 3. ห้องประวัติศาสตร์ทุ่งลาดหญ้า

 4. กองพลทหารอาสาสมัคร

 5. กองพลทหารราบที่ 9

 6. การป้องกันประเทศ

 7. การรักษาความมั่นคง

 8. เกียรติบัตรและความภาคภูมิใจ

 9. หอเกียรติยศ

ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ  ค่ายสุรสีห์ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71190

Telephone : 034-589233-5 ต่อ 51470

หรือติดต่อประสานงานเข้าชมเป็นหมู่คณะ  จ่าแจ๊ค 083-313-0799(วิทยากรประจำพิพิธภัณฑ์)

Website : http://www.surasee.com   Email : g6_surasri@hotmail.com

วันและเวลาทำการ

จันทร์ถึงศุกร์ ในเวลาราชการ 8.30 - 16.00 น.

ค่าเข้าชม  -  ไม่เสียค่าเข้าชม

การเดินทาง

ค่ายสุรสีห์อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 26 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3086 (ทางไปอำเภอบ่อพลอย)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองพลทหารราบที่ ๙

3. กิจกรรมผจญภัย

ร่วมทดสอบความแข็งแรง  สนุกตื่นเต้นกับหอกระโดดสูง  34 ฟุต   ค่าบริการ 100 บาท/ท่าน
ปีกแสดงความสามารถพร้อมใบประกาศ 100 บาท

      

4. สนามยิงปืนรัตนาวุธ

มีกระสุนและอาวุธปืนไว้คอยบริการท่านได้ประลองความแม่นยำหลายชนิด ในกระสุนราคาขั้นต่ำ เพียง 50 บาทค่าเช่าปืน กระบอกละ 100 บาท

 

5. ศูนย์พักผ่อนและนันทนาการ กองพลทหารราบที่ ๙

นั่งชมธรรมชาติ รับประทานอาหาร ออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติ   ที่สวนสาธารณะ พล.ร.๙

 

6. สวนสัตว์ ค่ายสุรสีห์  แวะเที่ยวชมสัตว์นานาชนิด พักรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นได้ที่ สวนสัตว์ค่ายสุรสีห์ 




กาญจนบุรี + ราชบุรี (KR301)


ประวัติค่ายสุรสีห์

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงในปี พ.ศ.2484 เวียดนามได้ประกาศที่จะต่อสู้กับฝรั่งเศสอย่างเปิดเผย เพื่อให้เวียดนามหลุดพ้นจากสภาพการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และมีเอกราชของตนเอง ได้มีการสู้รบกันอย่างหนักเป็นเวลาถึง 8 ปี จนกระทั้งกองกำลังเวียดมินห์ ของพรรคนิยมคอมมิวนิสต์ เวียดนามสามารถโจตีป้อมปราการสำคัญของฝรั่งเศส ที่เดียนเบียนฟู แตกลงในวันที่ 4 พฤษภาคม 2497 วิกฤตการณ์สงครามครั้งนั้นมีทาที่จะรุกรานจนกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ ฝรั่งเศสยอมรับความปราชัยแลต้องสงบศึก จึงได้มีการลงนามใน “อนุสัญญาเจนีวา พ.ศ.2497” ที่กรุงเจนนีวา ประเทศ สวีตเซอร์แลนต์ จึงมีผลให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยเส้นขนานที่ 17 องศาเหนือ เป็นเส้นแบ่งเขตเวียดนามเหนือ ยึดถือการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของ โฮจิมินห์ พยายามที่จะรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน จึงได้ส่งกำลังกองโจรเวียดกงเข้าก่อกวนและแทรซึมเข้าไปในเวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง โดยแฝงเข้ามาในลักษณะผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ตั้งแต่ พ.ศ.2498 เป็นต้นมา จากนั้นได้ปฏิบัติการรุกรานด้วยอาวุธ และกำลังทหารอย่างรุนแรง ตลอดจนโฆณาชวนเชื่อชักจูงใจราษฎรเวียดนามใต้ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ประกอบการดำเนินการนโยบายด้านการบริหารประเทศของรัฐบาลเวียดนามใต้ประสบความล้มเหลว จึงไม่สามารถต่อต้านได้เพียงลำพังตนเอง และได้รองขอความช่วยเหลือจากมิตรประเทศฝ่ายโลกเสรี ใน พ.ศ.2508 เวียดนามใต้ตกอยู่ในจุดล่อแหลมที่สุดรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในเวียดนามใต้พร้อมด้วยกำลังทหารของพันธมิตรอีก 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นีวซีแลนด์ สเปน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย สงครามเวียดนามจึงได้เริ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     
    ในวันที่ 26 สิงหาคม 2506 เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐเวียดนามประจำกรุงเทพฯ ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ของรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม ซึ่งมีประธานาธิบดี เหงียน วัน เทียว เป็นผู้นำขอรับการช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากรัฐบาลไทยซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงมติ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2510 อนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือทางทหาร แก่รัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนามจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้น เรียกว่า “กรมทหารอาสาสมัคร” ( กรม อสส.) มีขนาดใหญ่กว่ากองพัน แต่เล็กกว่ากรมผสม มีภารกิจในการรบเป็นหลัก และปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเป็นรอง เป็นกองกำลังทหารไทยหน่วยแรก ที่ปฏิบัติการรบในเวียดนาม ได้สมญานามว่า “จงอางศึก” หลังจากที่กรมทหารอาสาสมัคร เดินทางไปปฏิบัติการรบในสาธารณรัฐเวียดนามเป็นเวลา 1 ปี กองทัพบกได้มอบให้คณะกรรมการพิจารณาเตรียมการส่งกำลังไปผลัดเปลี่ยน กรมทหารอาสาสมัคร โดยให้เพิ่มเติมเป็น 1 กองพล เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2511 จึงมีคำสั่งจัดตั้ง “กองพลทหารอาสาสมัคร” บรรจุมอบเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายกาญจนบุรี ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และเดินทางไปปฏิบัติการรบในสาธารณรัฐเวียดนาม มีสมญานามเป็นที่รู้จักกันในนาม “กองพลเสือดำ” เป็นเวลา 4 ปี จนถึงเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2514 กองกำลังทหารไทย ได้ถอนกำลังออกจากเวียดนามใต้กลับที่ตั้งปกติ ค่ายกาญจนบุรี การปฏิบัติการรบของทหารไทย ที่ไปร่วมรบในครั้งนั้น ได้เป็นที่ประจักษ์ แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นอย่างดี และได้รับคำสรรเสริญถึงวีรกรรมการสู้รบของทหารไทย ซึ่งสู้รบอย่างกล้าหาญ ความมีวินัย จิตใจที่เข้มแข็ง แสดงถึงความเป็นชาตินักรบ ยอมเสียสละแม้กระทั่งเลือดเนื้อ ชีวิต เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติเป็นอันมาก

     เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2514 กองทัพบกได้ออกคำสั่งตั้งกองพลใหม่ขึ้น บริเวณ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยแปรสภาพกองพลทหารอาสาสมัคร “กองพลเสือดำ” เป็นกองพลใหม่ ขนานนามว่า “กองพลที่ 9” เหตุผลว่า เป็นครบรอบปี 24 แห่งวันรัชดาภิเษก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ รัชกาลที่ 9 และเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2525 กองทัพบกได้ออกคำสั่งให้เปลี่ยนนามจากหน่วยเดิม กองพลที่ 9 เป็น กองพลทหารราบที่ 9 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2517 กองทัพบกได้ขนานนาม ค่ายที่ตั้งกองพลที่ 9 ว่า “ค่ายกาญจนบุรี” และเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2533 กองทัพบกได้มีประกาศขอพระราชทานเปลี่ยนนามค่ายใหม่ จากเดิม ค่ายกาญจนบุรี เป็น “ค่ายสุรสีห์” อันเนื่องมาจากสถานที่ตั้งกองพลทหารราบที่ 9 เดิมเป็นสมรภูมิสงครามทุ่งลาดหญ้า ในสงครามเก้าทัพ เมื่ออดีต 209 ปี ที่ผ่านมา โดยกองทัพไทย ซึ่ง สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 1 ( เจ้าพระยาสุรสีห์ ) เป็นแม่ทัพ ได้มีชัยชนะแก่ข้าศึก ที่ยกกำลังพลถึง 9 หมื่นคน เดินทัพมุ่งหน้ามายัง ตำบลลาดหญ้า เมืองกาญจนบุรี เพื่อเข้าสู้เมืองหลวงของไทย หวังชัยชนะในการยึดครองแผ่นดินไทย ทั้งที่ฝ่ายไทยมีกำลังพล เพียง 3 หมื่นคน น้อยกว่าฝ่ายข้าศึกถึง 6 หมื่น คน แต่ด้วยพระปรีชาอันชาญฉลาด ของผู้ทรงเป็นแม่ทัพทำให้ฝ่ายข้าศึกต้องแพ้พ่ายถอนกลับไป ซึ่งตรงกับ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2328 และตั้งแต่นั้นมาสงครามระหว่างไทยกับพม่าที่มี่มาช้านานเป็นอันยุติลง สมรภูมิลาดหญ้า จึงเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของชาติไทย
 
ประวัติกองพลอาสาสมัครในการทำสงคราม
 
    หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2488 โลกได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ค่าย คือ ค่ายคอมมิวนิสต์ มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ และค่ายเสรีประชาธิปไตย มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ ค่ายคอมมิวนิสต์ มีนโยบายรุกราน และต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ของประเทศต่างๆ ในโลก ให้เป็นแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ จึงได้เสนอแผนการมาร์แชล (Marshall Plan) เพื่อบูรณะฟื้นฟูประเทศในยุโรปตะวันตก จากวิกฤตทางเศรษฐกิจ และตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) สำหรับช่วยเหลือในทางทหาร ในเอเชียฝ่ายคอมมิวนิสต์ขยายอิทธิพลด้วยการส่งจารชน และผู้ก่อการร้ายเข้าไปบ่อนทำลายบรรดาประเทศในทวีปเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย เกาหลี ศรีลังกา พม่า กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ และเข้ายึดครองประเทศเหล่านั้นตามอุดมการณ์ครองโลกของคอมมิวนิสต์สหรัฐฯ ตระหนักดีว่า หากอินโดจีนแพ้สงคราม และตกเป็นของคอมมิวนิสต์แล้ว จะนำไปสู่การสูญเสียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ตามทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) จึงได้ทุ่มเทความช่วยเหลือแก่ เวียดนามใต้ สหรัฐฯจึงเป็นผู้นำในการต่อต้านเวียดนามเหนือ นับตั้งแต่ฝรั่งเศสต่อสู้กับเวียดนามเหนือ เมื่อฝรั่งเศสแพ้ สหรัฐฯ จึงเข้าไปช่วยเหลือเวียดนามใต้ในปี พ.ศ. 2508 เวียดนามใต้ตกอยู่ในจุดล่อแหลมที่สุด สหรัฐฯ จึงตกลงใจส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในเวียดนามใต้ พร้อมกับกำลังของฝ่ายโลกเสรีอีก 7 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และไทย การจัดรูปแบบของการรบเป็นในแบบสงครามจำกัด มุ่งให้เป็นการรบของ เวียดนามทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
 
การส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม
 
     ในปี พ.ศ. 2507 ประธานาธิบดี ตรันวันมินห์ แห่งเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย โดยขอให้ฝึกหัดนักบินของกองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ส่งเข้ามาฝึกในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 รัฐบาลเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากไทยเพิ่มเติม โดยขอให้จัดส่งเรือไปช่วยปฏิบัติการลำเลียง และเฝ้าตรวจบริเวณชายฝั่ง ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลให้แก่ เวียดนามใต้ และในปีเดียวกัน ก็ได้ขอกำลังจากกองทัพบกไทย เพื่อช่วยยับยั้งการคุกคามของเวียดนามเหนือ นอกจากรัฐบาลไทยแล้วเวียดนามใต้ก็ได้ขอร้องทำนองเดียวกันไปยังประเทศฝ่ายโลกเสรีอื่น ๆ
 
กองพลเสือดำในสมรภูมิเวียดนาม
 
    คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติ อนุมัติหลักการให้ความ ช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้น เรียกว่า "กรมทหารอาสาสมัคร" (กรม อสส.) มีภารกิจในการรบเป็นหลัก และปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเป็นรอง ถือว่าเป็นกองกำลังทหารไทยหน่วยแรก ที่ปฏิบัติการรบในเวียดนาม ได้สมญานามว่า "จงอางศึก"(Queen's Cobras Regiment) หลังจากที่ กรมทหาร อาสาสมัคร เดินทางไปปฏิบัติการรบในสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นเวลา 1 ปี กองทัพบกได้ มอบให้คณะกรรมการพิจารณา เตรียมการส่งกำลังไปผลัดเปลี่ยน กรมทหารอาสาสมัคร และเพิ่มเป็น 1 กองพลทหารอาสาสมัคร
 
    เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2511 จึง มีคำสั่งจัดตั้ง "กองพลทหารอาสาสมัคร " บรรจุมอบเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายกาญจนบุรี ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และไปปฏิบัติการรบ ในสาธารณรัฐเวียดนาม มีสมญานามเป็น ที่รู้จักกัน ในนามว่า "กองพลเสือดำ"(Black Panther Division)
 
 
ส่วนหนึ่งของวีรกรรมการรบที่สำคัญ
 
    การปฏิบัติการรบที่ฟุกโถ(20 - 21 ธันวาคม 2510) การรบที่ฟุกโถ นับเป็นการรบที่กรมทหารอาสาสมัครของไทยประสบชัยชนะอย่างเด็ดขาดถือได้ว่าเป็นวันแห่งชัยชนะของไทย ในสมรภูมิต่างแดน และยังผลในการสร้างขวัญกำลังใจแก่ทหารเวียดนามใต้เป็นอันมาก กรมทหารอาสาสมัครของไทยได้รับคำชมเชยจากพลเอกเวสท์มอร์แลนด์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯประจำเวียดนามใต้ และพลเอกเถาวันเวียน ประธานคณะเสนาธิการผสม กองทัพเวียดนามใต้
 
Queen's Cobras Regiment
     
     การรบที่เฟือกกาง (Phuoc Cang) ในคืนวันวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2512 เวลา 02.20 น. กองพันที่ 3 กรมที่ 274 เวียดกงได้เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยอาวุธเบาที่ 3 ของไทยอย่างรุนแรง โดยได้ยิงเตรียมด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และจรวดอาร์พีจี ไปยังค่ายแบร์แคต และฐานยิงสนับสนุนพร้อมกัน หลังจากนั้นได้ใช้กำลังทหารราบเข้ารบประชิด รอบที่ตั้งฐานปฏิบัติการ ฯ ใน 3 ทิศทาง เนื่องจากการรบติดพันในระยะต้นไม่อาจใช้ปืนใหญ่ และเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธได้เต็มขีดความสามารถ จนถึงเวลา 06.00 น. เวียดกงเริ่มถอนตัวจากการรบ กองพลทหารอาสาสมัครได้ใช้ปืนใหญ่ของกองพล 5 กองร้อย กับกำลังทางอากาศระดมยิงอย่างหนัก เพื่อสกัดกั้น และทำลายการถอนตัวของข้าศึก และได้ส่งกำลังหมวดทหารม้ายานเกราะออกกวาดล้างข้าศึก จนถึง เวลา 10.45 น. จึงเสร็จสิ้น ผลการรบ ฝ่ายไทยเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 5 คน ฝ่ายเวียดกงเสียชีวิตนับศพได้ 57 ศพ ถูกจับเป็นเชลย 10 คน ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นอันมาก
 
ทหารไทยในสงครามเวียดนาม
 
   ยุทธการทัมเทียน (Tham Thien) หมู่บ้านเฟือกเหงียนอยู่ในเขตอำเภอลองถั่น ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มมีลำน้ำหลายสาย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา และมีป่ารกทึบรอบบริเวณ มีสวนยางสลับป่า หมู่บ้านนี้สืบทราบมาว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนกำลัง และสะสมเสบียงอาหารของกรมที่ ๒๗๔ เวียดกงและกองโจรประจำถิ่นเวียดกง กองพลทหารอาสาสมัคร ได้รับมอบภารกิจให้ปฏิบัติการยุทธผสมร่วมกับกองกำลังกึ่งทหาร กำลังตำรวจ และกำลังเจ้าหน้าที่อำเภอลองถั่น เข้าทำการปิดล้อมและตรวจค้นหมู่บ้าน เพื่อทำลายข้าศึก และแยกประชาชนออกจากกองโจร ประจำถิ่นของเวียดกง กองพลทหารอาสาสมัครได้จัดกำลังกองร้อยอาวุธเบา วางกำลังไว้วงนอก ส่วนกำลังกึ่งทหาร 2 กองร้อยของกองทัพเวียดนามใต้ และกำลังตำรวจเวียดนามใต้อีกจำนวนหนึ่งวางกำลังไว้วงในทำการปิดล้อม และตรวจค้นหมู่บ้านแห่งนี้ โดยปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 12 ธันวาคม 2512 มีการปะทะกับเวียดกง 2 ครั้ง ผลการรบ ฝ่ายไทยไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ฝ่ายเวียดกงเสียชีวิต 4 คน จับผู้ต้องสงสัยได้ 20 คน ยึดได้อุปกรณ์ และเอกสารได้เป็นจำนวนมาก
 
   ยุทธการสายฟ้าแลบ (Thunderbolt) เป็นการปฏิบัติการในพื้นที่ปฏิบัติการศิรินทร์ (AO Sirin) อยู่เหนือลำน้ำคา บริเวณที่ลำน้ำบรรจบกัน ตั้งแต่ 19 - 21 ตุลาคม 2513 โดยใช้ 2 หมวดทหารม้าลาดตระเวนทางอากาศเข้าตรวจค้นที่หมาย และใช้ 2 กองร้อยอาวุธเบาเคลื่อนที่ทางอากาศเข้าสกัดกั้น และติดตามเวียดกง ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย เวียดกงเสียชีวิต 39 คน ทำลายที่กำบังปิดได้ 50 แห่ง หลุมบุคคล 9 หลุม อุโมงค์ 1 แห่ง และยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก
 
    การรบที่ล็อกอัน (Loc An) กรมทหารราบที่ 1 ได้จัดกำลังไปตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณหมู่บ้านล็อกอัน เพื่อสะกัดกั้นกองกำลังเวียดกงหมู่บ้านล็อกอันเป็นหมู่บ้านร้าง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอลองถันรอบพื้นที่เป็นที่ลุ่มป่าชายเลนและสวนยาง มีลำห้วยหลายสายไหลผ่าน
 
   ในวันที่ 16 มีนาคม 2512 เวลาประมาณ 02.15 น. เวียดกงประมาณ 1 กองพันเพิ่มเติมกำลังได้เข้าตีที่ตั้งกองร้อยทหารไทยทั้ง 2 กองร้อย โดยเริ่มจากการยิงเตรียมด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดและอาร์พีจี แล้วใช้กำลังส่วนใหญ่เข้าโจมตีเป็น 3 ทิศทาง ฝ่ายไทยขอรับการสนับสนุนจากปืนใใหญ่กองพลและชุดเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธของกองวทัพสนามที่ 2 สหรัฐฯ กองพลทหารอาสาสมัครก็ได้ส่งกำลังมาเสริมเมื่อเวลา 04.30 น. การรบดำเนินไปอย่างรุนแรงจนใกล้รุ่ง ฝ่ายเวียดกงจึงถอยร่นกลับไป ฝ่ายเราได้ไล่ติดตามไปจนถึงเวลา 07.00 น. จึงเลิกติดตามผลการรบ ฝ่ายไทยเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัส 19 คน บาดเจ็บไม่สาหัส 8 คน ฝ่ายเวียดกงเสียชีวิตนับศพได้ 116 ศพ จับเป็นเชลยได้ 3 คน ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก
 
   กองร้อยที่ 1 และกองร้อยที่ 4 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 ได้รับคำสั่งให้ไปตั้งฐานปฏิบัติการที่บริเวณหมู่บ้านล็อกอันเมื่อ 16 มิถุนายน 2512 เวลาประมาณ 00.45 น. เวียดกง 1 กรมหย่อนกำลัง ได้เข้าตีฐานปฏิบัติการของทหารไทยเริ่มด้วยการยิงเตรียมด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และอาร์พีจีอย่างหนัก แล้วส่งกำลังเข้าตี๓ ทิศทาง ฝ่ายเราได้ขอรับการสนับสนุนจากปืนใหญ่กองพล 6 กองร้อย และเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธกับเครื่องบินสปุ๊กกี้จากกองทัพสนามที่ 2 สหรัฐฯ และการยิงสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิดเวียดกงได้เข้าตีถึง 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และถอนตัวกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ฝ่ายเราออกติดตามกวาดล้างจนถึงเวลา 08.00 น. ผลการรบ ฝ่ายไทยเสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บสาหัส 9 คน บาดเจ็บไม่สาหัส 25 คน ฝ่ายเวียดกงเสียชีวิตนับศพได้ 215 ศพ คาดว่าเสียชีวิตแล้วนำศพกลับไป 40 ศพ จับเป็นเชลยได้ 2 คน ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก

แพลนเที่ยวอำเภอเมือง กาญจนบุรี
บริการรถตู้
Visitors: 110,090