ElephantsWorld บ้าน ช.ช้างชรา

ประวัติสัตวแพทย์ประจำศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี  

ผู้ก่อตั้ง

     นายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิ์ผล จบการศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ารับราชการครั้งแรกที่สถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ จังหวัดสุรินทร์เมื่อปีพ.ศ.2542 เป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อปี 2546 ย้ายเข้ามารับราชการในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรีจนถึงปัจจุบัน

     จากประสบการณ์ในการทำงาน ผมเองก็รู้สึกว่าช้างไทยของเรายังมีคุณภาพชีวิตที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งสุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง จากวันผ่านเป็นเดือน จากเดือนผ่านเป็นปี พยายามคิดว่าเราในฐานะหมอ เราจะช่วยช้างได้อย่างไร ในที่สุดก็รวบรวมเงินทอง บางส่วนหยิบยืมจากทางบ้านบ้าง เพื่อนฝูงบ้าง เพื่อตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรีหรือที่รู้จักใน บ้าน ช.ช้างชรา ขึ้นมา เพื่อนร่วมงานของผมหลายคนเคยถามผมว่า หมอจะทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วหมอได้อะไร ทำไมหมอไม่เอาเวลาไปวิ่งเต้นตำแหน่งหน้าที่การงานของหมอให้สูงขึ้น คนดีมีความสามารถอย่างหมอน่าจะไปได้ไวน่ะ คำถามเหล่านี้ กระผมไม่มีคำตอบ แต่ถ้าถามว่าผมทำแล้วช้างได้อะไร ประเทศไทยได้อะไร สองคำถามนี้ผมมีคำตอบครับ อย่างน้อยก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยช้างไทยของเราได้ครับ

ความเป็นมาของศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี : บ้านช.ช้างชรา

     ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี หรือ บ้านช. ช้างชรา ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านหนองหอย ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 130 ไร่ ระยะทาง 32 กิโลเมตรจากตัวเมืองกาญจนบุรี เริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 โดยนายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิ์ผล หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ซึ่งคลุกคลีกับช้างมาตลอดชีวิตการทำงานกรมปศุสัตว์ ซึ่งได้มองเห็นสภาพปัญหาของช้างที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหาช้างบาดเจ็บ ช้างชราที่ประสบปัญหาในการดูแลสุขภาพ ช้างเร่ร่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช้างด้อยโอกาสไม่สามารถทำงานตามปางช้างได้

     จึงได้มองหาสถานที่สำหรับแก้ไขปัญหาช้างที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องเป็นสถานที่ที่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูช้าง มีความเป็นธรรมชาติ มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับช้าง โครงการแก้ไขปัญหาช้างจึงเกิดขึ้นโดยมีเจ้าของที่ดินผู้มีจิตใจอันเป็นกุศล เป็นผู้อนุญาตให้ใช้สถานที่ในการจัดทำโครงการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่เลี้ยงดูช้างชรา เป็นที่พักของช้างเร่ร่อน ซึ่งให้คนกับช้างได้ใกล้ชิดและเรียนรู้การใช้ชีวิตซึ่งกันและกัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ สำหรับนักท่องเที่ยวและอาสาสมัครผู้รักช้างและต้องการให้ช้างไทยได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นสุข ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามของจังหวัดกาญจนบุรี กิจกรรมที่ทำร่วมกันอาทิ ปลูกพืชอาหารช้าง เช่น กล้วย อ้อย สับปะรด ฟักทอง หญ้าบาน่า, เลี้ยงช้างและอาบน้ำร่วมกับช้าง การดูแลสุขภาพช้างเบื้องต้น

รายชื่อช้างที่อยูที่บ้านช.ช้างชรา

       ปัจจุบันบ้านช.ช้างชรา มีช้างอยู่ในความดูแลทั้งหมด 7 เชือก เป็นช้างชราที่อยู่ประจำ 6 เชือกและช้างเร่ร่อนที่ทางกรุงเทพมหานครฝากเลี้ยงไว้ 1 เชือก

                    1. พังคำมูลหรือน้องแก้ว เพศเมีย อายุ 59 ปี

                    2. พังสงกรานต์ เพศเมีย อายุ 70 ปี

                    3. พังอรอนงค์หรือพังอ้วน เพศเมีย อายุ 74 ปี

                    4. พังสมบูรณ์หรือน้องแต๋น เพศเมีย อายุ 55 ปี

                    5. พังมาลี เพศเมีย อายุ 39 ปี

                    6. สีดอนำโชค หรือโชคดี เพศผู้ อายุ 9 ปี

                    7. พังคำแสน เพศเมีย อายุ 70 ปี


กาญจนบุรี+โฮมสเตย์ (KH301)

ประวัติของช้างแต่ละตัว

       น้องแก้ว หรือ พังคำมูล เป็นช้างรูปร่างอ้วน ตัวใหญ่อายุ 50 ปี นิสัยเป็นช้างใจดี กินจุ ชอบอยู่กับเพื่อนช้างเชือกอื่น ๆ ชีวิตน้องแก้วในวัยเด็ก เป็นช้างเร่ร่อน ที่เจ้าของพาไปเดินขายอาหารในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ หลายเมืองเช่น พัทยา กรุงเทพฯ ภูเก็ต จนวัยน้องแก้วเริ่มเข้าสู่วัยสาว น้องแก้วสามารถเดินทัวร์รับนักท่องเที่ยวได้แล้ว เจ้าของจึงพาเข้าปางช้างในแต่ละวันน้องแก้วต้องรับนักท่องเที่ยวขึ้นหลัง เพื่อสร้างตื่นเต้นและความสนุกสนาน คนแล้วคนเล่า แม้แต่เวลาในการกินอาหารก็แทบจะไม่มี เวลาที่น้องแก้วจะได้กินอาหารเต็มที่ตะวันก็เริ่มจะลับขอบฟ้า ซึ่งเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวหมดแล้วเมื่อน้องแก้ว วัยเข้า 50 ปี เจ้าของจึงพาออกจากปางช้างเนื่องจากน้องแก้วหมดแรงไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้อีกต่อไป พาไปเดินเร่ร่อนอยู่ในเมืองใหญ่ เมืองแล้วเมืองเล่าโดยที่น้องแก้วไม่มีโอกาสรับรู้เลยว่าจุดมุ่งหมายที่เจ้าของช้างพาไปคือที่ใดและจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และแล้ววันที่อิสรภาพของน้องแก้วมาถึง เมื่อคุณลุงใจดีท่านหนึ่งผ่านมาเจอ จึงได้ขอซื้อ โดยรับปากว่าจะไม่ใช้งานน้องแก้วอีกต่อไป เจ้าของจึงยอมขาย และน้องแก้วก็ได้มาอยู่ในบ้านช.ช้างชราอย่างมีความสุขจนถึงปัจจุบัน

       น้องแต๋น หรือสมบูรณ์ เป็นช้างตัวกลม หูแหว่ง อายุ 56 ปี นิสัยร่าเริง ใจดีมีเพื่อนสนิทชื่อมาลีไปไหนชอบไปด้วยกัน อยู่ใกล้กัน ชอบเล่นหยอกล้อซึ่งกันและกันเวลานอนต้องอยู่ใกล้ๆกันไม่เช่นนั้น ต้องมีตัวใดตัวหนึ่งแก้เชือกไปหาอีกตัวหนึ่งทุกครั้ง จึงถือได้ว่าช้างคู่เป็นช้างที่รักกันมากส่วนชีวิตน้องแต๋น หรือสมบูรณก็ไม่ต่างจากน้องแก้วหรือคำมูลมากนัก ชีวิตในวัยเด็กสมบูรณ์ ก็เป็นช้างเดินเร่ร่อนในกรุงเทพฯพอโตขึ้นมาเป็นสาวสมบูรณ์ก็ถูกขายและเจ้านายคนใหม่พาสมบูรณ์ลากไม้ในป่าลึก ใบหูทั้งสองข้างโดนกิ่งไม้ หนามในป่า ทำให้หูทั้ง 2ข้างของสมบูรณ์ขาดเป็นริ้วๆ ซึ่งแตกต่างจากหูช้างเชือกอื่นๆพอสมบูรณ์แก่เกินไปที่จะลากไม้ เจ้าของจึงขายสมบูรณ์ไปให้เจ้านายใหม่อีกคน แต่ชีวิตสมบูรณ์กลับไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิดเจ้านายคนใหม่ได้พาสมบูรณ์เดินเร่ร่อนในกรุงเทพฯวันแล้ววันเล่าที่สมบูรณ์ต้องอดมื้อกินมื้อกับอาหารที่ผู้คนซื้อให้มันช่างน้อยนิดเหลือเกิน สมบูรณ์ต้องเดินเร่ร่อนอยู่นับแรมปี เจ้าของจึงได้ย้ายพาสมบูรณ์ไปเดินเร่ร่อนในเมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งคือ จังหวัดกาญจนบุรี และที่แห่งนี้เป็นที่ๆ สมบูรณ์ได้รับอิสรภาพ เมื่อมีคุณลุงใจดีมาซื้อสมบูรณ์และได้บริจาคให้ บ้านช.ช้างชรา เพื่อสมบูรณ์จะได้ใช้ชีวิตในวัย 55 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

        น้องมาลี มีชื่อจริงตามตั๋วรูปพรรณว่าสุมาลี เป็นช้างตัวสูงโปร่ง ใจดี น่ารัก อายุเพียง40ปี เท่านั้นมาลีมีเพื่อนสนิทชื่อน้องแต๋นหรือสมบูรณ์ มาลีจะรักน้องแต๋นมาก ชอบอยู่ใกล้ๆชีวิตมาลีถือว่าน่าสงสารไม่แพ้ช้างเชือกอื่นๆ ในวัยเด็กเจ้าของมาลีได้พาเดินเร่ร่อนในกรุงเทพฯ และแล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมาลีถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอ็นข้อเท้าฉีกมาลีได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ จนอาการดีขึ้นแต่ไม่เหมือนเดิมนั่นคือ ขาขวาหลังของมาลีที่ผิดรูปอย่างชัดเจนทำให้การเดินของมาลีไม่ปกติเหมือนตัวอื่นๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เจ้าของสงสารมาลีแม้แต่น้อย ยังนำมาลีมาเดินเร่ร่อนขายอาหารเหมือนเดิม และแล้วเมื่อคุณลุงใจดีผ่านมาเจอ อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงเอ่ยปากขอซื้อ แต่เจ้าของช้างก็ยังไม่ยอมขาย คุณลุงเล่าให้ฟังว่า ต้องอธิบายและให้สัญญาว่าจะไม่ใช้งานมาลีอีกต่อไป นับว่าเป็นความโชดดีของมาลี จากนั้นมาลีก็ได้มาอาศัยและชีวิตบั้นปลายของเธอในบ้านช.ช้างชรา รวมกับเพื่อนๆและที่แห่งนี้เองที่มาลีได้มาเจอเพื่อนรักอย่าง น้องแต๋นหรือสมบูรณ์

       น้องอ้วน หรืออรอนงค์ น้องอ้วนเป็นช้างเร่ร่อนเจ้าของเป็นคนสุรินทร์ ได้นำช้างมาขายอาหารที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว อยู่มาวันหนึ่ง คุณแอ็คเน็สสุภาพสตรีชาวเนเธอแลนด์และครอบครัวได้ไปทานอาหารที่นั่นและได้เจอน้องอ้วนในสภาพที่ผอมมาก คุณแอ็คเน็สรู้สึกสงสารมาก ได้นำอาหาร ไปให้น้องอ้วนทุกวันเป็นเวลากว่า 4 เดือนในที่สุดคุณแอ็คเน็สก็ตัดสินใจซื้ออ้วนมาเพียงหวังว่าน้องอ้วนจะได้อิสรภาพคุณแน็คเน็ส พยายามที่จะให้น้องอ้วนได้ใช้ชีวิตปั้นปลายอย่างมีความสุข และแล้วก็มีคนแนะนำให้รู้จักคุณหมอสามารถ แอ็คเน็สก็ได้ไปดูสถานที่ ที่น้องอ้วนจะไปอยู่ คุณแอ็คเน็สชอบสถานที่แห่งนี้มาก จึงตัดสินใจให้น้องอ้วนได้อยู่ที่นี่ ที่ บ้านช.ช้างชราและในวันที่เจ้าของเดิมมาส่งน้องอ้วน เจ้าของเดิมได้เล่าให้ฟังว่า เดิมที น้องอ้วนเป็นช้างป่าที่อาศัยอยู่ระหว่างชายแดน ไทย- กัมพูชา พ่อของเขาได้ไปจับมาตั้งแต่น้องอ้วนยังเล็ก แต่น้องอ้วนเป็นช้างป่าที่ถูกจับมาเลี้ยงซึ่งต่างจากช้างเชือกอื่นที่เกิดกับบ้าน จึงต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้เชื่องและคุ้นเคยกับมนุษย์ ต้องสูญสิ้นอิสรภาพ หลังจากนั้นชีวิตของน้องอ้วนก็ไม่ต่างอะไรไปจากช้างเชือกอื่นๆ ต้องระหกระเหินเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ โดยไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง และวันนี้น้องอ้วนได้รับอิสรภาพอีกครั้งได้กลับมาใช้ชีวิตในธรรมชาติ ที่บ้านช.ช้างชราแห่งนี้ ปัจจุบันน้องอ้วน อายุ 75 ปี ตกลูกทั้งสิ้น 7 เชือก

       พังสงกรานต์ เป็นช้างตัวสูง ผอม วัย 71 ปี มีอาชีพเดินทัวร์ที่ภูเก็ต พังงา ด้วยสภาพร่างกายที่ผอม และวัยที่สูงอายุ มันจึงทำงานเดินทัวร์ต่อไปอีกไม่ไหว ทำให้เจ้าของตัดสินใจบริจาคให้ หมอสามารถ สงกรานต์เดินทางมายัง บ้านช.ช้างชรา ในวันที่ 12 เมษายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาล สงกรานต์พอดี ซึ่งในวันแรกที่เดินทางมาถึง สงกรานต์มีสภาพร่างกายที่ผอมมาก ไม่มีฟัน ไม่สามารถนอนได้เหมือนช้างเชือกอื่น ๆ ตัวสั่น งวงไม่สามารถหยิบจับอาหารได้ตามปกติ คุณหมอสามารถก็ไม่รอช้าได้ให้ยา และน้ำเกลือสงกรานต์เป็นการด่วน เป็นเวลากว่า 3 วัน

     และในอนาคตน่าจะมีช้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาหารช้างจึงจำเป็นมาก ดังนั้นจึงต้องมีการปลูกพืชอาหารช้างขึ้นมา โดยขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครทั่วประเทศเพื่อช่วยปลูก ตลอดจนทุนในการปลูกพืช โดยคำนึงถึงพืชที่ให้ประโยชน์ เช่น กล้วย อ้อย ข้าวโพด หญ้าบาน่า สับปะรด และในปัจจุบันอาหารที่ปลูกยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของช้าง จำเป็นที่จะต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากอาหารที่ใช้เวลาปลูก 3 เดือน ช้างกินหมดภายใน 3 วัน

ช้างที่แก่ชราลักษณะที่แตกต่างสามารถมองจะเห็นได้ดูจากสภาพร่างกายโดยทั่วไปมีดังนี้

          1. ผิวหนังของเขาจากเดิม ช้างเป็นสัตว์ใหญ่แล้วก็ผิวหนังของเขาค่อนข้างที่จะหยาบ และก็มีความหนามาก แต่ว่าช้างที่เมื่อแก่ชราผิงหนังจะบางลง

          2. หน้าตาเริ่มมองเห็นพวกโครงหน้าได้ชัดเจน ขมับบริเวณขมับจะยุบ

          3. สังเกตุว่ามีการตกกระ คือลักษณะของเม็ดสีจะเริ่มน้อยลง เห็นเป็นลักษณะผิวหนังที่จางๆ เป็นลักษณะตกกระ คล้ายๆ คน

          4. ช้างเป็นสัตว์ใหญ่แล้วก็ตัวอ้วนๆ แต่ช้างชราบางเชือก เนื่องจากว่าเขาอาจจะฟันไม่มี กินอาหารไม่ได้โภชนาการไม่ดีช้างจะมีลักษณะผอม บางเชือกก็จะมองเห็นซี่โครงเป็นริ้ว ๆ

สามารถติดต่อเราได้ที่ :ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี : บ้าน ช.ช้างชรา  ม.4 บ้านหนองหอย ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี   

หมายเลขโทรศัพท์ : 081-6322258, 081-2856439 

Website : http//www.elephantsworld.org

E-mail address : samartpsp@yahoo.com หรือ elephantsworld@hotmail.com

ข้อมูลจาก : http://www.elephantsworld.org/th/

ภาพจาก : http://jackiejan.multiply.com/photos/album/209/209#photo=23



แพลนเที่ยวอำเภอเมือง กาญจนบุรี
ล่องแพเปียกกาญจนบุรี
Visitors: 110,295