องค์ปู่นิลกาฬนาคราช วัดถ้ำคีรีธรรม

สิ่งศักดิ์สิทธิ์



องค์ปู่นิลกาฬองค์พญานาคสีดำ
ตระกูลพญานาคตระกูลกัณหาโคตมะซึ่งเป็นตระกูลพญานาคสีดำนิลกาฬมหิธร
ด้วยอำนาจอิทธิปาฏิหาริย์แล้วครั้งพุทธกาลที่เป็นพญานาคได้มีนามว่า

                          “พญากาฬนาคราช”

เป็นผู้นอนรอรับถาดทองคำที่องค์พระโพธิ์สัตว์ทรงอธิษฐานก่อนบรรลุธรรมเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


แม่ย่ากัญญาวดีองค์พญานาคสีขาว
เป็นพระมเหสีขององค์ปู่นิลกาฬ องค์พญานาคสีขาวตระกูลนาควิรูปักข์เป็นพระราชธิดาพญาพุชงค์นาคราชมีรูปโฉมงดงามดวงเนตรสีอัญมณีมรกตเป็นพญานาคสีขาวเคียงข้าง องค์พ่อปู่พญานิลกาฬ

                          องค์ปู่นิลกาฬ                         องค์ย่ากัญญาวดี

ประวัติความเป็นมาองค์ปู่นิลกาฬ


     องค์พญาศรีสัตตะนาคราชจ้าววิสุทธิเทวาธิราช (จ้าวหล้า) พระนิลกาฬ ท้าวเวสสุวรรณ พระราหู ก่อนเกิดสงครามเทวะ พญาศรีสัตตะนาคานาคราช ได้ออกมาจากเมืองบาดาล แต่การมาของพญาศรีสัตตะนาคานาคราช ทราบถึงปู่ฤาษีตาไฟซึ่งเป็นบิดา ปู่ตาไฟจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานส่งญาณทิพย์ถึงพระศิวะ ขอให้บุตรได้เกิดในครรภ์พระแม่อุมาเทวี พระศิวะประทับอยู่ ณ เขาไกรลาส (พระศิวะเป็นอีกภาคหนึ่งของปู่ฤาษีตาไฟ) เมื่อพระศิวะเล็งเห็นด้วยญาณ ปู่ตาไฟได้ตั้งจิตอธิษฐานมา ด้วยความเป็นห่วงท่านจึงมีดำริให้พญาศรีสัตตะนั้นได้มาจุติในครรภ์พระแม่อุมาเทวีเป็นบุตรของตน เหมือนดั่งที่ได้เกิดเป็นบุตรปู่ตาไฟมาก่อนพระศิวะท่านเป็นยักษ์ ชาติกำเนิดพญาศรีสัตตะเป็นนาคมาก่อน เมื่อเกิดมาเป็นบุตรพระศิวะจึงมีวรกายเป็นครึ่งยักษ์ครึ่งนาค กายสีดำดั่งนิล พระศิวะจึงตั้งชื่อว่า “พระนิลกาฬ” เป็นบุตรชายคนแรกของพระศิวะ พระนิลกาฬชอบจำศีลบำเพ็ญตบะสร้างบารมี บำเพ็ญจนวรกายนั้นดำดั่งเหล็กไหล ไม่มีศาสตราวุธอันใดสามารถทำร้ายได้ น้อยคนนักที่จะได้พบเจอตัวพระนิลกาฬ เพราะไม่ค่อยออกมาจากถ้ำ ถ้าใครมีความเกี่ยวพันกับพระนิลกาฬหรือพญาศรีสัตตะ ก็จะนิมิตเห็นเป็นพญานาคสีดำตัวใหญ่ๆ เมื่อยามราตรีข้างขึ้น วรกายท่อนบนจะเป็นยักษ์ วรกายท่อนล่างจะเป็นพญานาคสีดำนิล นามว่า พระนิลกาฬ เมื่อยามราตรีข้างแรม วรกายจะเป็นยักษ์เต็มตัว นามว่า “ท้าวเวสสุวรรณ” ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศเหนือ

ลักษณะของพญานาคทั้ง 4 ตระกูล

     พญานาคนั้นเป็นสัตว์กึ่งเทพ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับงู แต่มีลักษณะใหญ่โตมาก มีหงอน มีเกล็ดสีดำมะเมื่อม มีทั้งที่นิสัยดีและค่อนข้างดุร้าย สามารถอยู่ใต้บาดาล และขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้เช่นกันแม้ว่าจะมีผู้พรรณนาลักษณะของพญานาคไว้มากมาย แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นตัวจริงของพญานาคด้วยตาของตนเอง จะมีปรากฏก็เพียงในนิมิต หรือในความฝันเท่านั้น โดยไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนิมิตเห็นพญานาคได้ หากมิใช่พระเกจิอาจารย์หรือผู้ที่มีบุญกรรมต่อกันแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์ที่มีกายทิพย์ และมีที่อยู่อาศัยเป็นทิพย์นั่นเอง พญานาคนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขดตัวเป็นบัลลังก์ เรียกว่า นาคบัลลังก์ หรือนอนราบเหยียดยาว และจากนั้นสภาพร่างกายก็จะกลับกายเป็นหิน ไม่ได้ย่อยสลายเหมือนซากพืชซากสัตว์ทั่วไป และมักจะพบร่างกายของพญานาคอยู่ในถ้ำลึก หรืออยู่ใต้แม่น้ำใหญ่ แต่หากเป็นพญานาคในตระกูลสูง ที่มีญาณบารมีแก่กล้า เมื่อสิ้นอายุขัย ร่างกายก็จะแตกดับและสลายไปในทันที พญานาคนั้นนอกจากมีฤทธานุภาพมาก สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ยังมีพิษที่มีอานุภาพรุนแรงเหลือคณา เชื่อว่าพญานาคนั้นมีพิษมากถึง 64 ชนิด ต้องมีการคายพิษไว้ในที่เร้นลับทุก 15 วัน เนื่องจากหากไม่คายก็จะมีพิษอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้พิษย้อนเข้าตัวได้ และเมื่อเลื้อยไปที่ใด ต้องอ้าปากไว้เสมอ เนื่องจากพิษในกายที่มีความรุนแรงและร้อนระอุ การอ้าปากทำให้บรรเทาความร้อนจากพิษในกายได้ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่ารูปปั้นพญานาคส่วนใหญ่จึงอยู่ในลักษณะอ้าปากนั่นเอง

พญานาคนั้นสามารถจัดเป็นตระกูลได้ 4 ตระกูลใหญ่ๆ ซึ่งมีอำนาจ ฤทธานุภาพ และถิ่นที่อยู่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนพญานาคในแต่ละตระกูลก็ยังมีมากน้อยต่างกันอีกด้วย

1. พญานาคในตระกูลวิรูปักข์ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็น พญานาคชั้นสูง หรือชนชั้นปกครอง ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดาและนางฟ้า มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็นทิพย์วิมาน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่นและสวยงามที่สุด คือ มีลำตัวสีรุจน์อุไรวรรณจันทราภา มีเกล็ดทองคำบุศรินทร์ หรือสีทองมหิธาสุวรรณชาด เชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจมากที่สุด สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้แม้แค่ใช้สายตามอง พญานาคตนใดกำเนิดมาจากวงศ์ตระกูลนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้ที่มากด้วยบุญญาบารมี

พญานาคทั้ง 4 ตระกูล

2. พญานาคในตระกูลเอราปถ หรือตระกูลสีเขียว
ถือเป็นพญานาคชั้นสูง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบอัณฑชะ คือกำเนิดจากฟองไข่ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล ลึกลงไปจากใต้ดินถึง 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร บางพวกอาศัยอยู่ในถ้ำ ลึกถึง 50 โยชน์ หรือ 800 กิโลเมตร เชื่อว่าเป็นพญานาคตระกูลที่พบได้มากที่สุด เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงามไม่แพ้ตระกูลวิรูปักข์ มีลำตัวเขียวมรกตจงกลนี เกล็ดมรกตสีไพลมณีรัตนชาติ มีลักษณะออกไปทางงูใหญ่ มักขึ้นมาบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง จึงทำให้เกิดตำนานรักมากมายระหว่างพญานาคตระกูลนี้กับมนุษย์ แม้จะถือกำเนิดจากฟองไข่ แต่หากมีการบำเพ็ญเพียรบารมี จนมีอานุภาพแก่กล้า ก็สามารถถูกจัดให้เป็นพญานาคในชนชั้นปกครองได้เช่นเดียวกัน
 พญานาคทั้ง 4 ตระกูล

3. พญานาคในตระกูลฉัพพยาปุตตะ หรือตระกูลสีรุ้ง
ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือ กำเนิดจากครรภ์ มีถิ่นอาศัยที่นครบาดาล ใต้ดิน ในป่าลึก หรือบนภูเขา เป็นพญานาคที่มีลักษณะสวยงามมาก เนื่องจากนาคที่จัดอยู่ในตระกูลนี้มีหลายสีด้วยกัน กล่าวคือหากไม่ได้มีกายสีทอง สีเขียว หรือสีดำ ก็สามารถจัดอยู่ในตระกูลนี้ได้หมด และพญานาคบางตนยังมีเกล็ดหลายสีในตัวเดียวกันอีกด้วย นาคตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะมีกายสีเลื่อมรุ้งมรุลี สีโกเมนสุริยฉัตรปภัศร เป็นตระกูลที่พบได้น้อย และยังมีถิ่นที่อยู่ที่ลึกลับอีกด้วย

พญานาคทั้ง 4 ตระกูล
4. พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ หรือตระกูลสีดำ
ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบสังเสทชะ คือกำเนิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมม ไม่ถือเป็นพญานาคชั้นสูง แต่ก็เป็นตระกูลที่มีฤทธานุภาพไม่แพ้พญานาคตระกูลอื่นเช่นกัน ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นที่อยู่เร้นลับ และพบเจอได้ยากมาก เนื่องจากพญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะนอนหลับเป็นระยะเวลานาน มีกายเป็นนิลกาฬมหิธร มีเกล็ดเป็นนิลปาศรอมรสุภรัตน์ พญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพญานาคในตระกูลอื่นๆ

พญานาคทั้ง 4 ตระกูล



กาญจนบุรี ไหว้พระ (K209)
บริการรถตู้
Visitors: 110,542